NTU Fan Club
บทความของ ผศ.ดร.กฤษฎา ตันเปาว์
10. หวานเป็นลม ขมเป็นยา ในการทำงาน สำนวนไทยที่คนไทยจำนวนไม่น้อยจะคิด และพูดเมื่อทานของขม เช่ผักขม ๆ ว่าทานแล้วดี ขมเป็นยา ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เป็นการใช้ที่ไม่ถูกต้อง ความหมายของสำนวนไทยนี้ที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา ความจริงแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับ การกิน แม้แต่น้อย เป็นคำเปรียบเปรยถึง คำพูด ของคนมากกว่า ที่คนอื่นพูดกับเรา ที่เราได้ยิน ได้ฟัง หวานเป็นลม : คือ คำพูดหวาน ที่เป็นคำชม สรรเสริญ ชื่นชม พูดดี ยกยอปอปั้น เยินยอ หรือคำพูดใด ๆ ที่เป็นเชิงบวก ท่านวให้ขอบคุณรับคำเหล่านั้นเป็นกำลังใจ แล้ว ปล่อยผ่าน ไปเหมือนลมพัดผ่าน เพื่อจะได้ไม่ลืมตัว ไม่เหลิง หลงระเริง คะนอง ขาดสติ หรือยกตนเหนือใคร จากคำพูดหวาน ๆ เหล่านั้น ขมเป็นยา : คือ คำพูดขม ที่เป็นคำพูดที่ฟังแล้วเราอาจไม่สบายใจ ไม่รื่นหู เป็นคำเตือน คำตำหนิ เตือนสติ คำสอนเพื่อให้ปรับปรุงที่เป็นเชิงสร้างสรรค์ ติเพื่อก่อ (ไม่รวมพวกคำหยาาย คำตำหนิ หรือ คำด่าใด ๆ ที่มีอารมณ์เจือปน) ท่านว่าเมื่อได้ยินได้ฟังแล้วให้ ตรึกตรอง ให้มาก เสมือนมีกระจกสะท้อนความจริง พิจารณาว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนเตือนเรา และคำเหล่านั้นให้คิดว่าจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็เป็นยาที่เตือนเราเพื่อปรับปรุงพัฒนาตนให้ไม่เป็นเช่นนั้นในเรื่องต่าง ๆ ดังนั้น โดยสรุปแล้ว คำหวานให้เก็บเป็นกำลังใจแล้วรีบปล่อยผ่าน แต่คำขมให้มาพิจารณาแก้ไขพัฒนาตน การทำงานก็เช่นกัน เราจะได้พบเจอคนต่าง ๆ มากมายรอบตัวเราทั้ง หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง คู่ค้า ลูกค้า คนในสังคมทั่วไป นรอบตัวเหล่านั้นที่มีแต่ คำหวาน เราจะชอบ เพราะรื่นหู แต่ก็ควรปล่อยผ่าน แต่ถ้าเป็น คำขม ที่ทำให้เราต้องคิดเพื่อ พัฒนาตน พัฒนางาน พัฒนาความสัมพันธ์ ก็เป็นเรื่องที่เราควรใส่ใจมากกว่า ท่านล่ะให้ความสําคัญกับคำหวานหูอยู่เสมอหรือคำตักเตือนเพื่อแก้ไขตน ไม่ซุก คำพูด นิสัย การกระทำไม่ดีที่เป็นเชิงลบซุกไว้ใต้พรมของตนเองมากกว่ากัน ด้วยความปรารถนาดี ผศ.ดร.กฤษฎา ตันเปาว์ |